มีลูกค้าสอบถามกันเข้ามาเยอะในเรื่องเกี่ยวกับ Application
ที่ใช้ดูและแก้ปัญหา Internet Wi-Fi ภายในบ้าน
- ลูกค้าส่วนมากมักจะประสบปัญหาในเรื่องของสัญญาณ Wi-Fi ดังนี้
- Wi-Fi ไม่ถึงสัญญาณ
- Wi-Fi Connect ได้ แต่มีปัญหาความเร็วไม่วิ่ง
- Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อได้ สัญญาณก็มี 3-5 ขีด แต่ทำไม Internet ไม่วิ่งไปทำ
- นั่นก็เป็นเพราะว่าเรามองไม่เห็นสัญญาณ Wi-Fi จึงไม่สามารถรู้ว่าที่เรา Connect ได้ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ด้วย
- สุขภาพของสัญญาณ
- ความคล่องแคล่ว
- ความปลอดโปร่งมีมากน้อยเพียงใด
- ติดขัดปัญหาด้านใดอยู่หรือไม่
- เราจะมองเห็นคลื่นความถี่ของสัญญาณ Wi-Fi ได้อย่างไร
- เราต้องใช้ Application ที่สามารถมองตัว Wi-Fi นี้ ที่จะแนะนำก็ คือ WiFi analyzer
- ข้อจำกัดในการติดตั้ง Application บนมือถือ คือ
- ไม่สามารถติดตั้งบน iOS ได้ เนื่องจาก iOS ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานหรือคนทำ App จัดทำ App หรือดาวน์โหลด App ที่สามารถมองเห็นคลื่น Wi-Fi มาใช้ได้
- เราจะมาแนะนำวิธีดาวน์โหลดสักเล็กน้อย ต้องบอกก่อนว่า WiFi Analyzer มีมากมายหลายตัวใน Play Store นะครับ บางตัวโหลดมาแล้วใช้ไม่ได้ เราจึงต้องใช้วิธีแบบลองผิด ลองถูกกันสักหน่อยครับ
- คลื่นสัญญาณ Wi-Fi เราดีหรือไม่
- มีอะไรมารบกวนมาหรือเปล่า
- มีอะไรมาติดขัดมันหรือเปล่า
- การที่เราจะแก้ไขปัญหา Wi-Fi Basic ในบ้านได้ ก็ต้องฝึกด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าเห็นปุ๊บแล้วมันจะแก้ปัญหาได้เลย เห็นชื่อ Wi-Fi คุณเป็นสีแดงๆแบบนี้ขึ้นมาเลย ถ้าอ่านเป็นจะช่วยได้เยอะมากผมจะสอนอ่านแบบสั้นๆ คือ
- ปัจจัยแรก คุณดูก่อนว่ากราฟตัวนี้มันซ้อนกับตัวไหนอยู่หรือไม่ การที่มันซ้อนกัน คือ มันซ้อนกันได้หลายแบบ กราฟเป็นเส้นโค้งแบบนี้ใช่ไหม มีตัวอื่นแทรกเข้ามาในเขตเราอย่างนี้ เรียกว่า Overlap นิดหน่อยไม่เป็นไร
- แต่ถ้าซ้อนทับกัน คือ อยู่แนวเดียวกันเลยแล้วขี่หลังกันแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วเรา เรียกว่า Channel ชนกัน นั่นหมายความว่าเราไปตั้ง Wi-Fi เป็นช่องเดียวกันกับคนอื่น
- ลักษณะแบบนี้ คือ คุณจะเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ได้ แต่เดี๋ยวก็เล่นได้ เดี๋ยวก็เล่นไม่ได้ นั่นก็เป็นเพราะหลักการของ Wi-Fi นั้น คือ ช่องที่มีพลังแรงกว่ามันอาจจะชนและไม่อาจจะกระเด็นแล้วก็วิ่งไปได้ แต่บางครั้งพอมันชนกันเสร็จ มันก็จะเปลี่ยนช่องเอง
- นี่ คือ สาเหตุที่ว่า ทำไมมันชนแล้ว เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย เพราะว่าเดี๋ยวมันก็มาชน เดี๋ยวมันก็กลับมาอีก ส่วนใหญ่ช่างติดตั้ง Internet จะชอบตั้งค่า Channel เป็น AUTO เพราะมันทำง่าย แต่ไม่ควรทำสถานที่ติดตั้ง มี Wi-Fi รายชื่อวิ่งวน เพราะปัญหามันก็จะเกิด
- หากเราเข้าไปตั้งค่า ใน Router ให้สัญญาณดี ถ้าไม่มีอะไรชน คุณก็จะสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นและมีความสุขแน่นอน
- แต่ถ้าสัญญาณมันลดลงต่ำกว่า -30 หรือ -40 “แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าสัญญาณแย่” สัญญาณที่ต่ำกว่า -50 ครับ อยู่แถวๆ – 60 กว่าๆหรือ -70 หมายความว่าสัญญาณข้างบ้านจะมีพลังพอๆกับของเรา และพอเข้ามาเบียดมาชน สัญญาณของเราจะกระเด็นหายทันที แล้ว ถ้าเราอยู่ในระดับสัญญาณที่อ่อนขนาดนี้เนี่ย Wi-Fi ของเราก็จะส่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
- สัญญาน Internet ที่เล่นได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ถ้าคุณเจอปัญหาว่าสัญญาณอ่อนในบริเวณใดของบ้านคุณ ก็ต้องทำการเพิ่ม Access Point
- ในการเพิ่มในตัว Access Point คุณจะเดินดีที่สุด คือ เดินสาย LAN ขึ้นไปตรงบริเวณที่มีสัญญาณอ่อนและมี Access Point อีกหนึ่งตัว มาขยายสัญญาณเพิ่ม แบบนี้มีความสุขในการใช้งานอย่างแน่นอน
- แต่ถ้าขี้เกียจเดินส่วนใหญ่ ต้องใช้วิธีต้องมี Router หนึ่งตัวแหละ แต่ปรับเป็นโหมดขยายสัญญาณแทน Wi-Fi Repeater เราก็ตั้งให้มันอยู่ในระยะ – 60 dB ก่อน แล้วให้มันปล่อยสัญญาณต่ออีกที ให้สัญญาณมันไหลมาจนถึงตรงบริเวณที่เราต้องการ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ไขได้
- มาถึงเรื่องความกว้างของกราฟ Wi-Fi ตัวนี้ ยิ่งกว้างยิ่งดี Internet ทุกวันนี้ความเร็วสูงครับ ระดับ 300 – 500 MB 2.4 Ghz ส่งกันยังไงก็ไม่เกิน 60-100 MB เต็มที่ ยิ่งกว้างยิ่งส่งได้เยอะ
- คุณไปดูที่ 5Ghz คุณเปิดเต็มเลยนะ 80 MHz ฐานมันจะใหญ่มากแล้ว ความสูงมันจะไม่สูงมาก แต่คุณจะได้ประสิทธิภาพความเร็วสูงสุดของ Internet อย่างเต็มที่
- ถ้า 80Mhz Internet ของคุณจะอยู่ที่ 1Ghz คุณ Test Speed ได้ 500-600 MB เป็นอย่างต่ำ ซึ่งอันนี้ไม่ต้องเต็มนะครับ เพราะว่า chipset ของอุปกรณ์แต่ละอุปกรณ์ มือถือ Notebook บางทีมันไปไม่ถึง 1 Ghz ครับ ถ้าไม่ได้ต่อสาย Lan CAT6