ในแวดวงการศึกษา มีแนวโน้มใหม่ที่จะรวมเอาธรรมชาติและกิจกรรม มาเข้าร่วมกับกระบวนการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กได้รับประสบการณ์การศึกษาที่รอบด้านและเป็นองค์รวม
ภาษาไทย เรียกว่า “การจัดการเรียนรู้แบบธรรมชาติ” หรือ “การเรียนรู้ตามธรรมชาติ”
วิธีนี้เป็นการรับทราบถึงคุณค่าโดยธรรมชาติของธรรมชาติในการเสริมสร้างการเรียนรู้ของเด็กและการพัฒนาโดยรวม

การเรียนรู้ตามธรรมชาติครอบคลุมเทคนิคและกลยุทธ์การสอนที่หลากหลาย ซึ่งใช้ประโยชน์จากศักยภาพอันยิ่งใหญ่ขององค์ประกอบทางธรรมชาติ ด้วยการใช้สภาพแวดล้อมกลางแจ้ง วัสดุจากธรรมชาติ และประสบการณ์จริง
เด็ก ๆ จะได้รับโอกาสในการสำรวจ ทดลอง และเชื่อมโยงอย่างมีความหมายกับโลกรอบตัวพวกเขา

ในการจัดการเรียนรู้รูปแบบนี้ ธรรมชาติทำหน้าที่เป็นทั้งครูและห้องเรียน ระบบนิเวศที่หลากหลายและภูมิประเทศที่แตกต่างกันในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ นำเสนอตัวอย่างในชีวิตจริงของแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ความสัมพันธ์ทางนิเวศวิทยา และการพึ่งพาอาศัยกันของสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตวงจรชีวิตของพืช ศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ หรือสำรวจคุณสมบัติของวัสดุธรรมชาติ
เด็กๆ จะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ส่งเสริมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องเหล่านี้

นอกจากนี้ การเรียนรู้ตามธรรมชาติยังช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายและความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อเด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เช่น การเดินป่า การทำสวน และการเล่นเกมกลางแจ้ง กิจกรรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหว การประสานงาน และพัฒนาการทางร่างกายโดยรวม ในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังความรับผิดชอบและการดูแลสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากประโยชน์ด้านวิชาการและทางกายภาพแล้ว การเรียนรู้ตามธรรมชาติยังช่วยหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตทางสังคมและอารมณ์อีกด้วย โครงการความร่วมมือและกิจกรรมการสร้างทีมในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติส่งเสริมทักษะการสื่อสาร ความร่วมมือ และการแก้ปัญหา ผ่านประสบการณ์ร่วมกัน
เด็กๆ จะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเอาใจใส่ ความเห็นอกเห็นใจ และการเคารพในความหลากหลาย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมชุมชนแห่งการเรียนรู้ในเชิงบวกและครอบคลุม

เพื่อดำเนินการเรียนรู้ตามธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ นักการศึกษามีบทบาทสำคัญในฐานะผู้อำนวยความสะดวกและแนวทาง พวกเขาสร้างประสบการณ์ที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของหลักสูตร ทำให้เด็กสามารถพัฒนาความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ การไตร่ตรอง และการตัดสินใจ นอกจากนี้ นักการศึกษายังทำหน้าที่เป็นแบบอย่าง ส่งเสริมความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ อยากรู้อยากเห็น และเห็นคุณค่าของโลกธรรมชาติในตัวนักเรียน

โดยสรุป การเรียนรู้ตามธรรมชาติเป็นเวทีสำหรับเด็กที่จะมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นกับสิ่งรอบตัวและรับความรู้จากประสบการณ์โดยตรง แนวทางการศึกษานี้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเฉพาะของธรรมชาติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่รอบด้านและครอบคลุม ด้วยการบูรณาการหลักการของ “การจัดการเรียนรู้แบบธรรมชาติ” เข้ากับแนวทางปฏิบัติในการสอน เราสามารถจัดหาเครื่องมือและทักษะที่จำเป็นให้กับเด็กๆ เพื่อนำทางโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยั่งยืนกับธรรมชาติ